วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

บันทึกของกาแฟบนเส้นทางแห่งเวลา

บันทึกของกาแฟบนเส้นทางแห่งเวลา
กล่าวกันว่า คนเลี้ยงแพะ ชื่อ คาลดี เป็นผู้ที่สังเกตเห็นว่าแพะของเขามีอาการร่างเริงผิดปกติหลังจากกินผลไม้สีแดงเล็ก ๆ จากพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น คาลดีจึงได้ทดลองกินและพบว่า เจ้าผลไม้เล็ก ๆ เหล่านั้นทำให้เขารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่ามีเรี่ยวแรง หลังจากนั้นข่าวของผลไม้มหัศจรรย์นี้ก็ได้ แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ซ
พระที่ได้ยินกิติศัพท์เรื่องผลไม้ประหลาดนี้ ได้นำมาตากแห่ง เพื่อสามารถนำติดตัวเดินทางไปยังวัดไกล ๆ ได้สะดวก โดยคืนสภาพใหม่อีกครั้งในน้ำ กินส่วนผลและดื่มส่วนที่เป็นของเหลว ซึ่งช่วยให้ไม่ง่วงและรู้สึกกระปรี้กระเปร่า พระจึงสวดมนต์ได้นานยิ่งขึ้น
ปี ค.ศ.1000 พ่อค้าชาวอาหรับได้นำกาแฟกลับมายังบ้านเกิด แล้วทำการเพาะปลูกขึ้นเป็นครั้งแรก และทำเป็นไวน์ เรียกว่า “qahwah” หรือ “Kawha” แต่ว่าสังคมอิสลาม ต่อต้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนไปสู่การชง และเสียงเรียกก็เพี้ยนไปตามสำเนียงของท้องถิ่น เช่น คาเวย์ (kawha), คาฟฟี่ (kaffe) และเป็น คอฟฟี่ (coffee) ในที่สุด
ผลกาแฟถูกขนย้ายจากเอธิโอเปีย ไปสู่คาบสมุทรอาราเบีย มีการเพาะปลูกขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศที่ปัจจุบันนี้คือ เยเมน จากที่นั่นกาแฟได้เดินทางต่อไปยังตุรกี ที่ ๆ เมล็ดกาแฟถูกอบเป็นครั้งแรกแบบ open fires เมล็ดที่อบแล้ว ถูกบดแล้วต้มในน้ำ
ปี ค.ศ. 1453 ออตโตมาน เติร์ก (Ottoman Turks) นำกาแฟเข้าสู่กรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล ร้าน Kiva Han ร้านกาแฟแห่งแรกของโลกเปิดขึ้นที่นี่
ปี ค.ศ. 1475 กฎหมายของตุรกีนั้น ให้ภรรยาขอหย่าจากสามีได้ หากเขาไม่สามารถหากาแฟมาให้พวกเธออย่างเพียงพอในแต่ละวัน ทั้งนี้เพราะความเชื่อที่ว่ากาแฟสามารถเสริมพลังทางเพศ
ปี ค.ศ. 1529 Kolschitzky ชาวเวียดนาได้เปิดร้านกาแฟร้านแรกของยุโรปตอนกลางขึ้น และเขาได้ปรับปรุงรสชาติ โดยทำให้รสหวาน และเติมนมลงไปด้วย
ปี ค.ศ.1570 กาแฟเดินทางเข้าสู่อิตาลี และ Paduan Prospero Alpino นายแพทย์สมุนไพรมีชื่อ ได้เขียนบรรยายถึงพืชชนิดนี้ ไว้ในหนังสือ “De Planctix Aegyptii et de Medicina Aegiptiorum” ตีพิมพ์ระหว่างปี ค.ศ.1591 - 1592
ปี ค.ศ.1607 กัปตันจอห์น สมิธ เป็นผู้นำกาแฟสู่อเมริกาเหนือ
ปี ค.ศ. 1615 กาแฟเข้าสู่ทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกและถูกขายในฐานะเป็นยา โดยพ่อค้าชาวเวนิช
ในยุโรป ข่าวเรื่องเครื่องดื่มชนิดใหม่ได้ถูกวิพากษ์อย่างมาก ผู้คนส่วนใหญ่นั้น รู้สึกว่าพระสันตะปาปาควรออกประกาศห้ามดื่มกาแฟ ซึ่งถูกเรียกว่าเครื่องดื่มของปีศาจ แต่กลับยิ่งต้องประหลาดใจ เพราะพระสันตะปาปาได้หลงใหลในรสชาติของกาแฟไปเรียบร้อยแล้ว และประกาศยกย่องให้กาแฟเป็นเครื่องดื่มของชาวคริสต์
ร้านกาแฟแพร่ขยายไปทั่วยุโรปอย่างรวดเร็ว และได้กลายเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนทางปัญญา ศิลปินและนักคิดหลายคนของยุโรปใช้ร้านกาแฟเป็นที่พบปะแลกเปลี่ยนและยกระดับความรู้ เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน เคลื่อนไหวของสังคมและการเมือง
ปี ค.ศ. 1640 ร้านกาแฟร้านแรกในอิตาลีได้เปิดกิจการ
ปี ค.ศ. 1652 ร้านกาแฟร้านแรกในอังกฤษได้เปิดขึ้น และเพิ่มจำนวนมากจนเป็นกระแสนิยมถึงกับได้ชื่อว่า “penny universities” (1 เพนนีเป็นราคาของกาแฟ 1 ถ้วย) กล้าวกันว่าตลาดหุ้นของลอนดอนนั้นมีจุดกำเนิดมาจากร้านกาแฟ
ปี ค.ศ. 1668 กาแฟเข้ามาแทนที่เบียร์ ในการเป็นเครื่องดื่มตอนเช้าของชาวเมืองนิวยอร์ก ร้านกาแฟของ Edward Lloyd ได้เปิดขึ้น และได้เป็นจุดกำเนิดบริษัทประกันภัยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ปี ค.ศ. 1674 ผู้หญิงอังกฤษต่อต้านการดื่มกาแฟ เพราะบรรดาผู้ชายพากันไปมั่วสุมอยู่แต่ที่ร้านกาแฟ
ปี ค.ศ. 1689 มีร้านกาแฟร้านแรกในปารีส
ปี ค.ศ. 1690 ชาวดัชต์กลายเป็นผู้เพาะปลูกและทำการค้าเป็นรายแรก หลังจากที่นำกาแฟมาสู่เกาะชวา
ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 กาแฟก็ได้ค้นพบเส้นทางไปสู่ทวีปอเมริกาโดยผู้นำทหารราบชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ดูแลพืชเล็ก ๆ ชนิดนี้ระหว่างการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ต้นไม้เล็ก ๆ นี้ถูกย้ายไปสู่เกาะคาริบเบียนแห่งมาตินิค และได้กลายมาเป็นบรรพบุรุษของต้นไม้ 19 ล้านตัน บนเกาะภายในเวลา 50 ปี จากจุดเริ่มต้นต่ำต้อยนี้ มันก็ได้ค้นพบเส้นทางของมันไปสู่ส่วนที่เหลือของพื้นที่เขตร้อนของอเมริกาใต้ และอเมริกากลาง กาแฟได้รับการประกาศให้เป็นเครื่องดื่มของชาติ ในสมัยอาณานิคมสหรัฐ โดยสภาคอนติเนนทอล เพื่อคุ้มครอบจากการเก็บภาษีที่มากเกินควรของกษัตริย์อังกฤษ
ปี ค.ศ. 1714 – 1715 ชาวดัชต์ได้มอบต้นกาแฟให้แก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ฝรั่งเศส จึงมีบทบาทสำคัญในการทำให้กาแฟแพร่หลายไปทั่วโลก เพราะมีพื้นที่อาณานิคมมากมาย
ปี ค.ศ. 1721 ร้านกาแฟในเลอร์ลินเปิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ปี ค.ศ. 1727 กาแฟเข้าสู่บราซิลได้โดยเสน่ห์ของที่ปรึกษาราชสำนักชื่อ Francisco de Melo Palheta เนื่องภรรยาข้าหลวงที่มีสัมพันธ์ลับกับเขาได้มอบเมล็ดพันธุ์ให้ และทำให้บราซิลกลายเป็นแหล่งผลิตกาแฟรายใหญ่ของโลก
ปี ค.ศ. 1773 ชาวอเมริกันกลุ่มบอสตันที (Boston Tea Party) ได้ทำการต่อต้านภาษีชา และหลังจากนั้นกาแฟก็ได้รับการประกาศเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ
ปี ค.ศ. 1779 ชาวสเปนเป็นผู้นำกาแฟจากคิวบาเข้าสู่คอสตาริกา
ปี ค.ศ. 1809 อันเนื่องมาจากการนำกระดาษจากสมุดมากรองกากกาแฟ จึงเป็นต้นกำเนิดการใช้กระดาษกรองในปัจจุบัน
ปี ค.ศ. 1822 เครื่องทำเอสเปรสโซกำเนิดขึ้นเป็นเครื่องแรกในฝรั่งเศส
ปี ค.ศ. 1863 กองทัพของตุรกียกมาปิดล้อมกรุงเวียนนา และนำกาแฟมาด้วย เมื่อยกทัพกลับได้ทิ้งกาแฟไว้ นั่นเป็นที่มาของร้านกาแฟร้านแรกในเวียนนา
ปี ค.ศ. 1893 มิชชันนารีเป็นผู้นำกาแฟเข้าสู่เคนยา
ปี ค.ศ. 1900 Hill Bros ริเริ่มทำกาแฟคั่วใส่กล่อง
ปี ค.ศ. 1903 Ludwing Roselius เป็นผู้ปรับปรุงการสกัดสารคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟโดยไม่ทำลายรสชาติ แล้วจำหน่ายในชื่อยี่ห้อง “Sanka” ซึ่งนำเข้าอเมริกาปี ค.ศ. 1923
ปี ค.ศ. 1906 นักเคมีชาวอังกฤษ ในกัวเตมาลา ได้สร้างผลิตภัณฑ์กาแฟเร่งด่วน (mass product) จำหน่ายในชื่อยี่ห้อ Ked E Coffee
ปี ค.ศ. 1926 the Science Newsletter ได้ประกาศว่ากาแฟมีประโยชน์
ปี ค.ศ. 1938 ที่บราซิลได้มีการคิดค้นกาแฟ freeze-dried เพื่อแก้ปัญหากาแฟล้นตลาด
ปี ค.ศ. 1946 ที่อิตาลี ชาวอิตาเลียนชื่อ Achilles Gaggia ได้ปรับปรุงเครื่องชงเอสเปรสโซ
ในปัจจุบันกาแฟเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีการจ้างงานมากกว่า 20 ล้านคน และกาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม จากสถิติการบริโภคมากกว่า 400 ,000 ล้านแก้วต่อปี เอสเพรสโซได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอิตาลี ในปัจจุบันมีเอสเพรสโซบาร์มากกว่า 200,000 แห่งในอิตาลี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น